วันพุธที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

การติดตั้งโครงฉากถ่ายภาพ เพื่อจัดฉาก และ แสง เพิ่มมูลค่าสินค้า ตอนที่ 1


โครงฉากถ่ายรูป


 “คุณหมอขอเก็บเพิ่มเติมอีก 1,000 บาท ดิฉันก็ตกลง”ต่อมาเมื่อได้คุยกับเพื่อนฝูง ญาติมิตร คุณคุภสินีเห็นว่า โครงฉากถ่ายภาพราคา  ราคาที่คุณหมอเสนอมานั้นแพงเกินไป อีกอย่างเมื่อคุณหมอยึดฟันเก่าเข้าที่เดิมแล้ว เจ้าตัวก็รู้สึกว่าใช้การได้ดี คงไม่จำเป็นที่จะต้องทำใหม่แล้ว ตอนเช้าจึงโทรศัพทํใปยกเลิกตอนที่คุณศุภสินีโทรศัพท์ไป ได้คุยเพียงแต่กับยู้ช่วยทันตแพทย์เท่านั้น โดยได้รับคำตอบว่า “ถ้าเลิกก็จะไม่มีการคืนเงินมัดจำให้นะ"“ดิฉันก็คืดว่าคงจะต้องโทรไปคุยกับคุณหมอเอง เพราะคุ้นเคยและรักษากันมานาน” ผู้รับบริการยังมองโลกในแง่ดีพอสายขึ้นมาอีกนิด ประมาณหนึ่งชั่วโมงหลังจากที่โทรไปครั้งแรก คราวนี้ก็ยังคงได้คุยผู้ช่วยทันตแพทย์คนเดิมอีก และยืนยันเหมือนเดิมว่า “จะ,ไม่มีการคืนเงินมัดจำ”ผู้ช่วยทันตแพทย์อ้างว่า ได้สั่งทำที่ครอบชั่วคราวไปแล้ว มีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นจึงไม่สามารถคืนเงินมัดจำได้ แถมบอกด้วยว่า “ดีฉันลงบันทึกไปแล้วว่า คุณจะมาตามนัด”คุณศุภลินิหงุดหงิด ไม่คิดจะรักษาต่อแล้ว แต่คิดว่าจะไปเจอหมอในวันนัดเลยเพื่อขอยกเลิก และฃอดูใบเสร็จที่เขาบอกว่า

“สั่งทำไปแล้ว”“ดิฉันจะยอมจ่ายเฉพาะตรงนั้นเพื่อปิดเรื่องไป” คุณคุภสินีกล่าวคุณศุภสินิเล่าต่อว่า พอถึงวันนัด ก็ได้ไปคลินิกพร้อมกับคุณพ่อเพื่อขอใบเสร็จและครอบชั่วคราว“คลินิกนิเขาจะมืทีวีวงจรปิดด้วย วันนั้นน่ะ คุณหมอเขาก็อยู่ และเขาก็ต้องเห็นว่าเราไป แต่คุณเชื่อไหม เขาให้เรารอ ไม่มีใครออกมาต้อนรับลักคน จนเราต้องตะโกนเรียกคุณหมอให้ออกมา ตะโกนนานมาก เขาถึงให้ผู้ช่วยออกมารับหน้าแทน”พอผู้ช่วยทันตแพทย์ออกมา ก็ไม่สามารถเคลียร์เรื่องได้ เพราะไม่มีทั้งใบเสร็จและครอบชั่วคราว สุดท้ายคุณศุภสินิและคุณพ่อจึงตะโกนเรียกหมออีกครั้ง“คราวนี้เขายอมออกมาค่ะ แต่ก็ไม่มีอะไรมาแสดงให้ดูอยู่ดี เขาบอกว่าดิฉันและญาติแสดงกิริยาไม่ดี เขาไม่อยากเจรจาด้วย ไม่พอนะ..,เขายังไปแจ้งความหาว่าเราหมิ่นประมาทด้วย”  ฉากถ่ายรูปสินค้า  ความขัดแย้งในกรณีนี้ เรื่องได้ไปถึงทันตแพทยสภา หลังจากทันตแพทยสภาสอบสวนโดยได้สอบข้อมูลจากทั้งสองฝ่าย พิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้ให้บริการ1ไม่ปฏิบ้เติตามจรรยาบรรณที่กำหนดไว้จริง การที่ผู้บริโภคใช้สิทธิปฏิเสธในวันรุ่งขึ้นหลังการตัดสินใจ เป็นสิทธิที่ผู้บริโภคทำได้ แต่ผู้ให้บริการกลับให้ผู้ช่วยทันตแพทย์ออกมาอ้างเหตุผลต่างๆ เพื่อจะไม่คืนเงินมัดจำให้กับผู้ร้องเรียน และการที่ผู้ให้บริการรับทราบจากวงจรปิดแล้วว่า ผู้ร้องเรียนมาเพื่อขอรับใบเสร็จและครอบชั่วคราว แต่ยังปล่อยให้รอทั้งที่ไม่จำเป็น แสดงให้เห็นเจตนาบ่ายเบี่ยงการส่งมอบ แม้ว่าญาติของผู้ร้องเรียนจะได้ถูกดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาท และเสียค่าปรับไป 200 บาทแต่เมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงและเรื่องราวทั้งหมดแล้ว จะเห็นว่าผู้ให้บริการเป็นผู้มีส่วนสำคัญในการที่มีพฤติกรรมเป็นต้นเหตุของการดำเนินคดีดังกล่าวบทสรุป ทันตแพทยสภาจึงมีคำสั่งลงโทษว่ากล่าวตักเตือน  ฉากสตูดิโอถ่ายรูป แล้วในกรณีนี้หากผู้ร้องเรียนต้องการดำเนินคดีฟ้องร้องต่อศาลก็สามารถทำได้ โดยอาศัยคำสั่งทางปกครองของทันตแพทยสภาเป็นหลักฐานในการกล่าวหา เพื่อเรียกร้องความเสียหายต่อไปได้หากผู้ให้บริการมีความเมตตาเอื้ออาทรตามวิสัยของผู้ประกอบวิชาชีพทันตกรรมควรจะมีแล้ว เรื่องเซ่นนี้ย่อมแก้ไขได้โดยที่ทุกฝ่ายมีความพิงพอใจและยุติเรื่องดังกล่าวลงได้ด้วยดีการซดเชยฑางการแพทย์เมื่อเกิดความเสียหายน้องเฟิร์นเกิดมาอาภัพ ป่วยเป็นโรคเพดานโหว่ตั้งแต่เกิด อาการเพียงแค่นี้ก็ไม่น่าถึงขั้นพิการทางสมองในเวลาต่อมาแพทย์เจ้าของไข้ตรวจวินิจฉัยอาการฃองน้องเฟิร์นหลายครั้งตั้งแต่อายุไม่กี่เดือน

 จนอายุได้ 11 เดือน แสง แพทย์!ด้นัดวันเพื่อผ่าตัดรักษาอาการเพดานโหว่การรักษาผ่านไปด้วยดี น้องเฟิร์นถูกนำมาพักไว้ที่ห้องสังเกตการณ์ ระหว่างนั้นคุณแม่ของน้องเฟิร์นติดธุระบางอย่าง จึงให้เด็กอยู่กับป้า คุณป้าสังเกตว่าพยาบาลอุ้มเด็กไปไว้ที่เตียงแล้วให้เด็กนอนควา โดยมีสายยางซึ่งคุณป้าคิดว่ามันเป็นสายออกซิเจนมาวางไว้ห่างจากจมูกเด็ก  โครงฉากถ่ายภาพระบบมอเตอร์ จากนั้นพยาบาลได้ไปดูแลผู้ปวยเตียงอื่น พอกสับมาที่เตียงน้องเฟิร์น ปรากฏว่าเด็กมีอาการตัวเขียว พยาบาลจึงรีบนำเด็กเข้าห้องไอชียู   ตอนนั้นแพทย์บอกกับแม่และป้าว่า เสมหะอุดหลอดลม ไม่เป็นไรมากเดี๋ยวก็หาย หลังจากวันนั้นเด็กต้องอยู่ในห้องไอซียูนานถึง 2 เดือนเต็มจากเหตุการณ์ครั้งนั้น เนื่องจากน้องเฟิร์นขาดอากาศหายใจเป็นเวลานานผลปัจจุบันคือ เด็กมีอาการสมองฝ่อ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ควบคุมระบบขับถ่ายไม่ได้ มีภาวะปอดบวมบ่อย มีอาการชักเก!งตลอด เดินไม่ได้ และร้องกวนตลอดเวลา รวมๆ คือพัฒนาการของเด็กไม่เป็นไปตามอายุแม่ของน้องเฟิร์นได้พยายามขอความช่วยเหลือ ขอความเห็นใจกับทางโรงพยาบาลในการให้ความช่วยเหลือรักษาเด็ก และค่าชดเชยในการรักษาที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝืน แต่ก็ไม่เป็นผล ทางโรงพยาบาลไม,ยอมชดใช้ส่วนใดให้ นอกจากจะรับรักษาไปเรื่อยๆ แม่ของน้องเฟิร์นจึงได้ติดต่อทางมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคเพื่อขอความช่วยเหลือ


โครงฉากถ่ายภาพ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น